• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ไปถึงเป้าหมาย เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดแบบนี้

Started by Panitsupa, April 06, 2023, 06:32:44 PM

Previous topic - Next topic

Panitsupa

ในช่วงเวลาที่ยังเป็นผู้เรียน ผู้คนจำนวนมากต่างเชื่อเสมอว่าถ้าเกิดได้ตั้งใจเรียน สอบติดคณะที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่ผู้ใดกันแน่ก็รู้จักดังเช่นว่า ข้าราชการ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีจำนวนไม่น้อยพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สบายยังเป็นอาชีพที่จัดว่า "มีหน้ามีตา" ใครกันแน่ก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอ

และในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ออกจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะอะไร ถ้าหากท้ายที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าตอบแทนรายเดือนที่ไม่ได้มากมายอะไร ?"

ปัญหานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เพราะมันเต็มไปด้วยความคาดหมายที่มีความคิดว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ว่าหากทดลองกลายเป็นความคิด "ฉันปฏิบัติงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ถ้าคิดๆดูแล้ว มันได้การพอใจ เยอะแยะกว่าการถามแบบแรกเนื่องจากความจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้และความเข้าใจในตัวเอง "ไม่เหมือนกัน" กันไปพวกเราไม่จำเป็นที่ต้องเก่งเช่นเดียวกันหมด

2. ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งพวกเราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งแค่ไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแต่ความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น พวกเรายังจำต้องรู้เหตุการณ์อีกมาก

ศึกษากันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกมากมายโดยเหตุนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำเป็นต้องทำงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจะต้องปฏิบัติงานสายภาษา มันก็ผิดเสมอ

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจำเป็นจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆเรียนรู้ เบาๆปรับนิสัยไป สิ่งที่พวกเรากำลังสนุกขณะนี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่พวกเราเก่งเวลานี้ ในในอนาคต มันบางทีอาจเป็นแค่เพียงความทรงจำ

เนื่องจากอาจมีหลายสาเหตุให้คิดมากขึ้น ดังเช่น จำเป็นจะต้องพับโครงการเรียนต่อเอาไว้

เนื่องจากเงินน้อยเกินไปจำเป็นต้องดำเนินการหารายได้ก่อน แล้วค่อยไปเรียนศิลปะที่เราถูกใจ ...

เราต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย (ความจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหลอมหลอม" หลายวิชามิได้

สอนเราทางตรง แม้กระนั้นให้เราเบาๆซึมซับข้อดีแม้กระนั้นอย่างไปเอง ดังเช่น ฝึกหัดความทรหดอดทน, ฝึกฝนความละเอียดอ่อน,

ฝึกฝนทักษะการเข้าสังคมในครั้งหนึ่งที่เรามองไม่เห็นคุณประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง พอเพียงโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรมีบ้างแหละที่เราคิดอะไรขึ้นมากระทั่งต้องไปพบ อ่ า น ปัดฝุ่นตำราอีกรอบ

ทุกความรู้ที่พวกเราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า แค่พวกเราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกภาพให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราควรมีหนทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองกระทั่งเกินความจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำกว่านี้หางานไปก่อน?

หากเรามิได้อาชีพนี้ พวกเรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้เช่นใจในทันทีมันเป็นเรื่องธรรมดามากมายๆที่ต้องแลกกับความเหนื่อย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าจะพบว่าเพราะเหตุไร ห ม อ

บางบุคคลถึงเขียนเพลงได้?

เพราะอะไรบางคนเรียนวิชาชีพแต่ว่ามาเป็นศิลปิน?

เพราะเหตุใดบางคนเรียนไม่จบแต่ประสบความสำเร็จ?

ถ้ายังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่สมควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้สึกตัวดีหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่?" และ

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกเรากลม แล้วก็มีหลายมิติ ใช่ว่าจำเป็นจะต้องดูเพียงด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/