• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by fairya, April 05, 2023, 09:15:31 AM

Previous topic - Next topic

fairya

1. เพราะว่าพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อดำเนินการอย่ างเดียว

เราไม่ได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้ทุกวี่ทุกวัน หลายคราวที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต อาทิเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะก่อให้อารมณ์ดีขึ้น และก็ เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น เพราะเหตุว่าการเฟลจากที่ดำเนินการส่วนมากมักทำให้เราท้อแท้ใจ รวมทั้งขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน รวมทั้ง อีกมากมาย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนพ้องคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย มุ่งมั่นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในช่วงเวลานี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเราเคารพที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้านาย คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยแตกต่างกันไป อย่ างตัวเราเคยเจอในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำงานทำการ รอสั่งคนโน่นครั้งคนนี้ครั้ง แต่พอได้ดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะมิได้ไง เพราะเหตุใดน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองหมั่นไส้แล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะระรานกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีมากกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ ามองว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุมที่ว่าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากไปเที่ยวแบบเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าขี้บ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง

เพียงแค่เรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานพวกเราไปพรีเซนเทชั่นกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มากมาย เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ทราบรึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกเหนือจากการที่จะดู resume เราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนฝูงเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของพวกเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำเต็มตัว เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าเกิดอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย เพราะเหตุว่า ส่วนใหญ่คนในสถานที่สำหรับทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่ ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา สนใจ ตั้งใจ แต่... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นมาอิจฉา

ตอนปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อนเราหลายๆคนเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตนเอง ครั้งคราวเราเลื่อนดูหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากยิ่งกว่าเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนฝูงคนไม่ใช่น้อยบางทีก็อาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

โฟกัสที่ทางวิ่งของเรา ทราบดีว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าที่หมายพวกเราปรารถนาอะไร รู้ว่าวันนี้พวกเราประพฤติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบมองทางวิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราเอาจริงเอาจังกับชีวิตมากเพิ่มขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาเอาใจใส่จนเป็นกังวลพอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งจะตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้แสดงว่า ให้เราไม่ต้องจิรงจิตใจกับผู้ใดกันแน่ แต่ว่า... หมายความว่า " เราไม่ฝักใฝ่ข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสำนักงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) โดยมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามเสียทีเลยจ้า มีคนรอซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตัวเอง แต่... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราดีกว่ามากมายๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้จักหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปปฏิบัติงานกับผู้ใดกัน โดยเหตุนี้ อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้พวกเราจะรู้สึกบีบคั้นในการทำงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดียิ่งกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะแนะนำคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันแย่ก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยๆโดนดุด่าเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50 มาก หากแม้จะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก รวมทั้ง อ่อนประสบการณ์ คนโดยมากพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ ด้วยเหตุนี้ ล้มเหลวจำนวนไม่ใช่น้อยเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนฝูงในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงแท้จริงหัวใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราคือไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อน ด้วยเหตุนั้นวันๆเราจึงจะเจอเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมทีม ซึ่งโดยมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลและเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ

สนทนาเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนพ้องจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " สหายร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ไม่เหมือนกันระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม แล้วก็การหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไร เราจะหาสหายย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่แท้หัวใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากเพียงใด นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาสหาย ด้วยเหตุดังกล่าววันๆพวกเราจึงจะพบเพียงแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลรวมทั้งเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ เราคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ คุยแลกความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "หากพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากประสบผลสำเร็จ แล้วก็ แฮปปี้ ควรเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแต่ทำย ากนะ เพราะผู้รับจ้างมือโปรก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงงานจำนวนหนึ่ง " นั่นถือว่าบริษัทเค้าปรารถนาอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับเงินเดือนนั้นๆ

เราต้องทราบดีว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร แล้วก็ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าอยากได้ความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


น่าจะหางานที่พวกเราทำแล้วเราแฮปปี้และก็ทำได้ดีเพื่อดึงความสามารถของตนเองออกมาให้เยอะที่สุด นอกจากจะทำให้พวกเราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังมีผลให้เราปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าเกิดสุดท้ายเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกจ้างมาด้วยเงินเดือนจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าเงินเดือนจนกระทั่งเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แต่จะต้องมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย ได้แก่ได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในช่วงเวลานี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกเปลี่ยนกับความสำราญของบิดามารดา
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/